เด็กสมัยใหม่หรือบางคนได้ยินคำว่า พุกเคมี ก็เกิดคำถามในใจขึ้นมาว่ามันคืออะไร ทำไมชื่อของมันดูแปลกๆ วันนี้เราจึงนำข้อมูลเกี่ยวกับพุกเคมีมาให้ได้รู้จักกัน ว่ามันคืออะไร เอาไว้ใช้ทำอะไร และหน้าตาเป็นยังไงกันนะ

พุกเคมี คือ อุปกรณ์ที่มีลักษณะเป็นหลอดแก้วบรรจุเคมีด้านในเพื่อช่วยยึดตะปูเกลียว (น็อตหรือสกรู) เข้ากับพื้น ผนัง หรือส่วนของโครงสร้าง เหมาะสำหรับงานติดตั้งที่ต้องการแรงยึดเหนี่ยวสูงหรือต้องรับน้ำหนักมาก ใช้ได้กับทั้งอิฐชนิดต่างๆ คอนกรีต และหิน โดยในการติดตั้งช่างจะทำการเจาะรูบนคอนกรีตทำความสะอาดรูที่เจาะไม่ให้มีฝุ่นผง จากนั้นจึงสอดพุกเคมีและตามด้วยตะปูเกลียวเข้าไปในรู ตัวพุกส่วนที่เป็นแก้วจะแตกเพื่อให้กาวเคมีชนิดพิเศษที่มีแรงยึดเหนี่ยวสูงและแข็งตัวไว้ในหลอดแก้วช่วยยึดตะปูเกลียวให้ติดแน่น พุกรูปแบบนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นเคยหรือได้ใช้งานกันทั่วไปมากนัก เนื่องจากต้องใช้ช่างมืออาชีพในการติดตั้งและราคาค่อนข้างสูง

พุกเคมีไม่ค่อยเป็นที่นิยมใช้ตามบ้านมากนัก เพราะเป็นอุปกรณ์สำหรับช่างก่อสร้างอาชีพ แต่ก็น่าจะรู้จักกันไว้บ้าง การติดตั้งนั้นช่างจะเจาะรูที่เสาหรือพื้นคอนกรีต จากนั้นจะฉีดเคมีเข้าไปในรูเจาะ เคมีจะผสมกันระหว่างสารประกอบเรซิ่นและสารเร่งการแข็งตัว สอดเหล็กเส้นหรือสตัดเกลียวเข้าไปในรูเจาะที่ฉีดกาวเคมีไปแล้ว กาวเคมีที่ผสมกันแล้วในรูเจาะจะช่วยยึดเหล็กเส้นหรือสตัดเกลียวให้ติดแน่นกับคอนกรีต

ลายนิ้วมือของแต่ละคนจะเริ่มปรากฏขึ้นตั้งแต่เป็นตัวอ่อนอายุ 3-4 เดือนในช่วงที่ทารกน้อยอยู่ในครรภ์มารดา ซึ่งเป็นผิวหนังส่วนที่มีสัน และมีร่อง เอาไว้ใช้สำหรับอำนวยความสะดวกในการหยิบจับสิ่งของต่างๆ ซึ่งสันและร่องที่ปรากฏนี้ จะมีคุณลักษณะที่สำคัญ 2 ประการคือ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบตามกาลเวลาแต่อย่างใด ลายนิ้วมือจะไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงกระทั่งวันที่เราตาย แต่ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงขนาดได้ตามขนาดของร่างกาย

ซึ่งด้วยเหตุผลนี้เอง จึงได้ก่อเกิดเครื่องตรวจที่บ่งบองความเป็นบุคคลขึ้น เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ สำหรับการเลือกซื้อเครื่องสแกนลายนิ้วมือนั้นก็มีหลักการอยู่ดังนี้

1. หัวอ่าน (Sensor) ว่าสินค้านั้นใช้หัวอ่านแบบไหน
2. จำนวนลายนิ้วมือที่รองรับ และหน่วยความจำในการบันทึกการใช้งานของเครื่อง
3. ส่วนของ Software ดูว่ามีฟังชั่นการใช้งานดีและยืดหยุนหรือไม่
4. ความเร็วในการอ่านลายนิ้วมือ และใช้เทคโนโลยีใดในการอ่าน
5. วัสดุที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ ว่าแข็งแรงทนทานหรือไม่
6. สินค้านั้นผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ISO หรือไม่
7. สินค้าได้ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบันรับรองมาตรฐาน หรือไม่ สำหรับมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับด้วยดีก็ เช่น FC, CE, UL, LPS เป็นต้น
8. อย่าตัดสินใจที่ราคาเพียงอย่างเดียว เพราะสินค้าราคาถูกยังคงมีอะไรที่ดีแอบแฝงอีกเยอะ คุณควรพิจารณาจาก คุณสมบัติการทำงานของตัวสินค้า ระยะทางของบริษัทผู้ขาย กับสถานที่ๆ เราจะซื้อสินค้ามาติดตั้งประสบการณ์และการชำนาญของบริษัทผู้ขายนั้นก็สำคัญเช่นกัน การรับประกันตัวอุปกรณ์สินค้า และระบบ รวมถึงการบริการหลังการขาย ของบริษัทผู้ขาย พอดูโดยรวมทั้งหมดแล้วก็พิจารณาจากราคาสินค้าที่เหมาะสมของภาพรวมสินค้านั้นๆ

สามารถคลิ๊กเข้าไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.thaiannex.com