Monthly Archives: January 2014

วิธีการสอนแบบตัวต่อตัวเจาะลึกและแก้ปัญหาขอการสอบ CU-TEP

วิธีการสอนแบบตัวต่อตัวเจาะลึกและแก้ปัญหาขอการสอบ CU-TEP

การสอบ CU-TEP ที่สอบเท่าไหร่ก็ไม่ผ่าน ด้วยวิธีการสอนแบบตัวต่อตัว เจาะลึกและแก้ปัญหาให้น้องๆเป็นรายบุคคลไป ซึ่งจากประสบการณ์ที่ติว CU-TEP มานาน และเจอปัญหาของเด็กมาหลากหลาย น้องๆที่ภาษาอังกฤษ อ่อน เมื่อได้มาติวตัวต่อตัว น้องๆสามารถมีผลคะแนนสอบ CU-TEP ดีขึ้นตามลำดับได้อย่างเห็นได้ชัด การสอบ CU-TEP เป็นการทำแบบทดสอบวิชาหนึ่งซึ่งมีความสำคัญมากสำหรับ คนที่ต้องการจะสอบเข้าเรียนต่อในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และ ปริญญาเอก รวมไปจนถึงบุคคลที่ต้องการใช้คะแนน CU-TEP เพื่อยื่น สมัครงาน เพราะ CU-TEP เป็นแบบทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษที่ได้รับความนิยมมาก การทดสอบ CU-TEP เป็นเสมือนวิชาพื้นฐานที่สำหรับใช้ในการวัดทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ของบุคคลที่มีความประสงค์ที่จะเข้าศึกษาต่อที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในโครงการภาคภาษาอังกฤษ ดังนั้นผู้ที่จะเรียน ในระดับปริญญาตรีหลักสูตรนานาชาติ เกือบทุกคณะ จึงกำหนดให้มีคะแนนสอบ CU-TEP ขั้นต่ำอยู่ที่ 550 คะแนน ส่วนปริญญาโท และปริญญาเอก ก็จะมีคะแนน CU-TEP หลายเกณฑ์ แตกต่างกันไปแล้วแต่คณะที่จะเข้าศึกษากำหนด มีตั้งแต่ คะแนน CU-TEP ที่ 450 500 ไปจนถึง 600 คะแนนเลยทีเดียว ทั้งนี้ คะแนน CU-TEP จะมาก หรือน้อย ก็จะขึ้นอยู่กับว่าหลักสูตรนั้นใช้ทักษะระหว่างเรียนมาก น้อยแค่ไหน

แบบทดสอบ CU-TEP จัดทำโดยสถาบันภาษาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สำหรับให้ศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไว้ใช้ทดสอบ CU-TEP เพียงแต่ผู้เดียวในประเทศไทย แบบทดสอบ CU-TEP สามารถใช้วัดทักษะ 3 ทักษะ ได้แก่ การฟัง การอ่าน และการเขียน โดยจุดเด่นของแบบทดสอบ CU-TEP นี้ สามารถนำไปเทียบกับผลสอบของ TOEFL จะได้ว่าผลสอบ CU-TEP เท่าไร จะเป็นคะแนน TOEFL เท่าไหร่ และผลคะแนน นี้สามารถเก็บไว้ใช้ได้ถึง 2 ปี การสมัครสอบ CU-TEP ผู้สมัครต้องสมัครสอบผ่านโปรแกรมลงทะเบียนแบบ Online ทาง Internet เท่านั้น โดยผู้สมัครสอบ CU-TEP สามารถสมัครผ่านทาง http://www.atc.chula.ac.th และหลังจากที่ผู้สมัครลงทะเบียนถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว โปรแกรมจะสร้างใบลงทะเบียน สมัครสอบ CU-TEP ให้กับผู้สมัคร ดังนั้น เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ผู้สมัครใช้ในการลงทะเบียนสอบ CU-TEPจะต้องต่อให้เข้ากับพริ้นเตอร์ให้พร้อม และศูนย์ทดสอบทางวิชาการทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คิดค่าธรรมเนียมในการสมัครสอบ CU-TEPครั้งละ 600 บาท และค่าธรรมเนียมของธนาคาร 15 บาท และผลคะแนนสอบ CU-TEP จะออกหลังจากที่ผ่านการทดสอบไปแล้ว ประมาณ 2 อาทิตย์ การสอน CU-TEP สำหรับผู้ซึ่งต้องการเพิ่มพูนทักษะทางด้านภาษาอังกฤษที่ได้มาตรฐาน รวมไปถึงทีมคณาจารย์ที่ สอน CU-TEP ในแต่ละพาร์ท ก็มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการสอนมานานข้อสอบ CU-TEP ในพาร์ท Listening นี้ จะเปิดให้ผู้ฟังบทสนทนา หรือฟังการบรรยายเพียง 1 รอบเท่านั้น จากนั้นผู้ฟังจะต้องตอบคำถามของบทสนทนาหรือการบรรยายให้ได้ การถามเป็นคำถามที่จะบอกทีละคำถาม และจะบอกเพียง 1 ครั้งเท่านั้น ผู้ฟังจะต้องตั้งสติ และมีสมาธิ จึงจะสามารถฟังและจับใจความการสนทนาหรือบทความนั้นๆได้ เพื่อนำไปใช้ในการตอบคำถามในข้อนั้นๆเทคนิคในการทำข้อสอบ CU-TEP ในส่วน READING นี้ เราควรที่จะอ่านคำถามและคำตอบทั้งหมดแบบคราวๆก่อน ซึ่งจะทำให้เราสามารถรู้ว่าเราควรมองหาคำตอบในลักษณะไหนภายในบทความที่อ่าน ก็จะทำให้เราจับจุดในการอ่านได้มากขึ้น

สารก่อสิวที่พบได้จากส่วนผสมในผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

สาเหตุของการเกิดสิวนั้นโดยหลักๆจะมีอยู่ 3 ข้อ

คือการหลั่งของไขมันจากต่อมไขมันที่ผิว ไม่ว่าจะปกติหรือมากผิดปกติ, เชื้อที่ทำให้เกิดสิว สิวอักเสบ กระจายและแย่ลง และท่อรูขุมขนบวมและปิดตัวจากอิทธิพลของฮอร์โมนและการรบกวนผิวหน้า ซึ่งจากสาเหตุที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าล้วนเกี่ยวข้องกับท่อรูขุมขนและต่อมไขมันทั้งสิ้น ดังนั้นการรักษาท่อรูขุมขนและต่อมไขมันอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างมากในการรักษาสิวให้หายขาด ในทางกลับกันการดูแลผิดๆจะยิ่งทำให้ท่อรูขุมขนและผิวหนังเสียสภาพ และเกิดการอุดตันง่ายและมากขึ้นเรื่อยๆ การรักษาสิวไม่เพียงแค่รักษาให้สิวยุบเท่านั้น แต่ต้องรักษาไม่ให้เกิดสิวใหม่ขึ้นหรือขึ้นน้อยมากๆในระดับคนทั่วไป ไม่ใช่ลักษณะที่เยอะจนต้องคอยไปรักษา รวมถึงต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือความเชื่อผิดๆของคนไข้อีกด้วย หากเกิดปัญหาเรื่องสิวก็อย่านิ่งนอนใจ ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทาง และปรึกษาเพื่อหาแนวทางรักษาและป้องกันอาการลุกลามแต่เนิ่นๆ

สำหรับการปรับเปลี่ยนอุปนิสัยและพฤติกรรมที่จะก่อให้เกิดสิว

เพื่อให้คนไข้สามารถดูแลตัวเองได้ถูกต้อง และช่วยให้การรักษาเข้าสู่ระยะการหายขาดในที่สุด ไม่กด ไม่บีบ ไม่เจาะ และไม่ฉีดสิว แต่ถ้าจำเป็นก็ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ที่มีความรู้เฉพาะทางด้านนี้โดยตรง ดังนั้นเราต้องทำให้รูขุมขน และต่อมไขมันแข็งแรง อีกทั้งการกด บีบ ฉีด เจาะ จะยิ่งทำให้รูขุมขนเสียหาย เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวเรื้อรัง เพราะรูขุมขนที่ดีก็เปรียบเสมือนท่อน้ำตรงๆ น้ำก็จะไหลออกดี แต่ถ้าท่อน้ำบิดๆ เบี้ยวๆ หัก งอ ไม่ได้รูป ก็จะตันง่าย เป็นสาเหตุทำให้เกิดสิวเรื้อรัง ไม่หาย และเป็นวนเวียนซ้ำๆอยู่ที่บริเวณเดิมๆ เนื่องจากมีสารก่อสิวที่พบได้จากส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น

◐(‧””‧)◐ สารกันเสียในผลิตภัณฑ์ทุกชนิด เช่น โพรพิวเมททิว พาราเบน และอนุพันธ์ของสารพาราเบนอีกหลายชนิด

◐(‧””‧)◐ สีสังเคราะห์ในผลิตภัณฑ์ต่างๆที่เตรียมมาจาก coal tar จะมีส่วนผสมของโลหะหนัก นอกจากเป็นสารก่อสิวแล้วยังเป็นสารก่อมะเร็งผิวหนังอีกด้วย

◐(‧””‧)◐ แสงแดดและฝุ่นละออง รังสีดวงอาทิตย์มีผลต่อผู้ที่ผิวแพ้ง่าย ก่อให้เกิดสิวได้ ฝุ่นละอองและควันเสียจากท่อไอเสียของรถยนต์ทำให้สิวเพิ่มความรุนแรงได้

◐(‧””‧)◐ ยารักษาโรคบางชนิดกระตุ้นการเกิด สิว เช่น ยาสเตียรอยด์

◐(‧””‧)◐ เครื่องสำอางที่มีไขมันและน้ำมันชนิดหนักเป็นองค์ประกอบ สามารถก่อให้เกิดสิวได้ง่าย ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยง

◐(‧””‧)◐ ผลิตภัณฑ์สเปรย์สำหรับเส้นผม มีองค์ประกอบที่สำคัญที่ก่อสิว คือ ไอโซโพรพิวแอลกอฮอล โพลีเมอร์ ในกลุ่ม PVA/PVP

◐(‧””‧)◐ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว สารก่อสิวที่สำคัญได้แก่ สารให้ฟองมาก SLS, ALS และสารปรับแต่งความเป็นกรด-ด่าง เช่น โซเดียมไฮดรอกไซด์ , TEA

ปัญหาของการเป็นสิว ถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่ได้ก่อให้เกิดผลร้ายแรงอย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ก็ถือว่ามีผลกระทบต่อสภาวะจิตใจ และอาจจะทำให้เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจ และเสียบุคคลิกภาพกันไปเลยทีเดียว บางคนถึงขนาดที่รู้สึกอายที่จะต้องออกไปพบผู้คนภายนอก ยิ่งเฉพาะกับผู้ที่เป็นสิวที่ใบหน้า ก็อาจจะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้เลยทีเดียว