ห้องสมุดความประทับใจต่อผลิตภัณฑ์ นี่คือห้องสมุดที่รวบรวมคอมเม้นจากผู้ใช้บริการทั่วทุกมุมโลกมาไว้ที่นี่

ปีนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ว่า ประเทศไทยมีโคนม ประมาณ 589,000 ตัว ได้ผลผลิตน้ำนมดิบเฉลี่ยวันละ ประมาณ 3,000 ตัน โดย 60% ของน้ำนมดิบที่ผลิตได้ทั้งหมดมาจากระบบสหกรณ์ อย่างไรก็ตาม กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีแผนเร่งพัฒนาศักยภาพสหกรณ์โคนมให้เกิดความเข้มแข็ง ทั้งระบบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในเวที การค้าเสรีได้ โดยเฉพาะการที่ไทยต้องก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ในปี พ.ศ. 2558

นายปริญญา เพ็งสมบัติ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้การเลี้ยงโคนมของไทยได้ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามอัตราการบริโภคนมภายใน ประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณน้ำนมดิบที่ผลิตได้ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เนื่องจากอุตสาหกรรมนมพาณิชย์มีการขยายตัวโดยผู้ประกอบการหลายรายมีการแปร รูปผลิตภัณฑ์นมป้อนตลาดทั้งในประเทศ และส่งออกผลิตภัณฑ์นมเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับนมผงขาดมันเนยที่นำเข้าจากออสเตรเลียและนิวซีแลนด์มีราคาแพง เพราะในช่วงปีที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศดังกล่าวประสบปัญหาภัยธรรมชาติทั้งแห้งแล้งจัดและน้ำท่วม ทำให้การผลิตนมลดลง ปีนี้จึงถือเป็นปีทองของโคนมไทย

ในส่วนของสหกรณ์โคนมมีจำนวน 98 แห่งทั่วประเทศ มีเกษตรกรสมาชิก ประมาณ 80% จากเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั้งประเทศ ประมาณ 26,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้เลี้ยงโคนมรายย่อย ปริมาณน้ำนมดิบที่ระบบสหกรณ์ผลิตได้เฉลี่ย ประมาณ 1,800 ตันต่อวัน ขณะเดียวกันประเทศสมาชิกอาเซียนได้มีความตื่นตัวและหันมาเลี้ยงโคนมเพิ่มมาก ขึ้น โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม และพม่า มีความต้องการซื้อพันธุ์โคนมจากไทยนำไปเลี้ยงต่อ ผลักดันให้ราคาโคสาวตั้งท้องขยับตัวสูงขึ้นจากเดิมตัวละประมาณ 35,000 บาท เพิ่มเป็น 45,000-50,000 บาทต่อตัว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากอาชีพการเลี้ยงโคนมเป็นอาชีพพระราชทาน กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้มุ่งสืบสานและพัฒนาอาชีพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกร พร้อมพัฒนายกระดับกระบวนการสหกรณ์โคนมให้เกิดความเข้มแข็ง เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรสมาชิกและสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพ อย่างยั่งยืน โดยปีนี้ได้เร่งปรับโครงสร้างองค์กรโคนมและสหกรณ์โคนมด้วยการส่งเสริมให้ สหกรณ์โคนมในแต่ละภาครวมตัวจัดตั้งเป็น “ชุมนุมสหกรณ์โคนมระดับภาค” เพื่อจะได้ส่งผ่านนโยบายการส่งเสริมและพัฒนาโคนมด้านต่างๆ ไปสู่สหกรณ์โคนมในพื้นที่อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะสหกรณ์โคนมขนาดเล็กที่มีจำนวน 86 แห่ง รวมทั้งพัฒนาการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรสมาชิกด้วย อาทิ การจัดการฟาร์ม ปัจจัยการผลิต การผลิตอาหารสัตว์คุณภาพดี การปรับลดต้นทุนการผลิต และการเพิ่มประสิทธิภาพการเลี้ยงโคนม เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังคาดว่าชุมนุมสหกรณ์โคนมระดับภาคจะช่วยประสานและเชื่อมโยงทำให้เกิดการ ดูแลและช่วยเหลือเกื้อกูลกันระหว่างสหกรณ์ขนาดใหญ่กับสหกรณ์ขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้ระบบการบริหารจัดการและการดำเนินธุรกิจมีประสิทธิภาพสูงขึ้น สามารถขยายหรือเพิ่มขนาดปริมาณธุรกิจได้มากขึ้น

ทางด้านนายเชิดชัย พรหมแก้ว ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันได้จัดตั้งชุมนุมสหกรณ์โคนมระดับภาคไปแล้ว 5 ภาค ซึ่งจะมีการร่วมประชุมหารือเพื่อกำหนดบทบาท ภารกิจ หน้าที่ ตลอดจนแนวทางการดำเนินงานของชุมนุมสหกรณ์โคนมระดับภาคให้มีความชัดเจนมาก ขึ้น เบื้องต้นทางชุมนุมฯได้ร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานโดยสร้างความร่วมมือในการ ผลิตพืชอาหารสัตว์คุณภาพดี นำร่องในพื้นที่จังหวัดพัทลุง เชียงราย และนครราชสีมา เพื่อรองรับความต้องการของสหกรณ์สมาชิก เป็นแนวทางช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำนมดิบที่มีคุณภาพให้กับเกษตรกรได้

นอกจากส่งเสริมการจัดตั้งชุมนุมสหกรณ์โคนมระดับภาคแล้ว กรมส่งเสริมสหกรณ์ยังมุ่งถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการพัฒนาการเลี้ยงโคนม และเน้นให้เกษตรกรสมาชิกเลือกใช้น้ำเชื้อพ่อพันธุ์โคนมพันธุ์ดีที่เหมาะสมใน แต่ละพื้นที่ในการผสมเทียม เพื่อจะได้ลูกโคเพศเมียเติบโตเป็นแม่พันธุ์โคนมที่มีคุณภาพในอนาคต

อีกทั้งยังมีแผนเร่งส่งเสริมการขยายตลาดนมพาณิชย์เพิ่มเติมให้กับสหกรณ์ ที่มีโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม เพื่อลดการพึ่งพาตลาดนมโรงเรียน และขยายฐานตลาดนมพาณิชย์ให้กว้างขึ้น พร้อมส่งเสริมการสร้างแบรนด์กลางสำหรับผลิตภัณฑ์สินค้านมสหกรณ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันทางการค้า และเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับสหกรณ์โคนมไทยให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดเอ อีซี อันจะนำไปสู่การเพิ่มปริมาณการใช้น้ำนมดิบซึ่งจะช่วยลดปัญหานมล้นตลาดได้ ที่สำคัญยังช่วยสร้างรายได้และสร้างความมั่นคงให้กับสมาชิกสหกรณ์ด้วย.